“โต๊ะจีนการเมือง” เล่นตามกฎระดมเงินทุนเข้าพรรค จริงหรือ ?
บรรยากาศทางการเมืองเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ หลัง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศบังคับ ใช้วันที่ 11 ธ.ค.61 ซึ่งนำมาสู่การปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมตามกฎหมาย แต่ให้เริ่มหาเสียงได้หลังมีประกาศ พ.ร.ฎ.ให้เลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 2 ม.ค.62 แล้วการจัดทำ “โต๊ะจีน” เพื่อระดมทุนหาเงินเข้าพรรคสามารถทำได้เหมือนในอดีตที่เคยทำกันจริงหรือไม่ ?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จริง เพราะการจัดงานเพื่อระดมทุนเข้าพรรคเป็นเรื่องธรรมดาในทุกๆประเทศ และงานครั้งนี้ของ พปชร. ได้ดำเนินตามกฎของทุกขั้นตอน
ในศึกเลือกตั้งปี 2562 พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กลางเดือนธันวาคมก็ประเดิมจัดงานกาล่าดินเนอร์ระดมทุนตั้งแต่ไก่โห่ก่อนพรรคอื่น ในรูปแบบงานเลี้ยงโต๊ะจีนจำนวน 240 โต๊ะๆ ละ 1 ล้านบาท ระดมทุนให้ได้ 240 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นปัจจัยในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.62 โดยมีแกนนำพรรค ได้แก่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรค และแกนนำพรรค รวมทั้งบรรดาพรรคการเมืองจากหลายพรรคเข้าร่วมงาน อาทิ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ต.สุธรรม ระหงส์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ และผู้สนับสนุนพรรคพากันเข้าร่วมโดยพร้อมเพรียง สายธารน้ำใจได้เงินทุนเข้าพรรคไปตามที่ต้องการ
ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตามมาติดๆ จัดงานเลี้ยงระดมทุนภายใต้สโลแกน “ประเทศไทยหนึ่งเดียว” ในวันที่ 19 ธ.ค.61 ที่ อิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 9 ในรูปแบบงานเลี้ยงโต๊ะจีน จำนวน 200 โต๊ะๆละ 3 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 600 ล้านบาท โดยมี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นแม่งาน เรียกว่างานเลี้ยงโต๊ะจีนของ พปชร. ทุบสถิติราคาโต๊ะจีนแพงสุดที่พรรคประชาธิปัตย์เคยสร้างไว้ในปี 2554 ส่วนรายชื่อเมนูอาหารที่จะเสิร์ฟบนโต๊ะจีนของ พปชร. ได้แก่ 1.สลัดผักร็อกเก็ตกับกุ้ง ปลาแซลมอนรมควัน หอยเชลล์อเมริกา และอาโวคาโดเสิร์ฟกับซอสส้ม 2.ซุปใสราวิโอลี่กุ้ง-เชอร์เบทรสราสเบอร์รี่ 3.ปลาหิมะหมักซอสถั่วเหลืองอบราดซอสปลาแห้งกับเนย เสิร์ฟพร้อมหน่อไม้ฝรั่งและมันฝรั่งอบ 4.ราสเบอรี่ไวท์ช็อกโกแลต-พราลีนส์ 5.ชาและกาแฟ
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งปี 2554 พรรคประชาธิปัตย์ สมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคและเป็นนายกรัฐมนตรี จัดเลี้ยงโต๊ะจีน 200โต๊ะๆละ 2.5 ล้านบาท ได้เงินจากการจัดโต๊ะจีนเพื่อสนับสนุนการเมืองไป 500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นโต๊ะจีนที่ราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ณ เวลานั้น ส่วนอาหารระดมทุนพรรค ปชป. ก็ถือว่าเป็นโต๊ะจีนที่มีราคาสูงมากที่สุดในการระดมทุนทางการเมืองของไทย ณ เวลานั้น เช่นกัน โดยเมนูอาหาร คือ 1.หอยเชลล์เสิร์ฟกับหน่อไม้ฝรั่งและสลัดมะเขือเทศ เชอร์รี่ และซอสบัลซามิค 2. อกเป็ดตุ๋นเสิร์ฟกับลูกแพร์เชื่อมและสลัดผลไม้ราดด้วยซอสส้มอบเชยและบัลซามิค 3.ปลาหิมะหมักเครื่องเทศเสิร์ฟกับกะหล่ำปีแดงตุ๋นไวน์ขาวสตูว์ผัก 4.ชีสเสิร์ฟกับบรั่นดี
แล้วการระดมทุนทางการเมืองโดยการจัดโต๊ะจีน เป็นสิ่งที่ทำได้จริงหรือ ? ตามกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า กรณีการรับบริจาคของพรรคการเมืองกฎหมายกำหนดห้ามบริจาคเกิน 10 ล้านบาทต่อรายต่อปี ซึ่งการระดมทุนนอกจากการบริจาคของกรรมการบริหารพรรคแล้ว ส่วนมากจะใช้วิธีระดมทุนในรูปแบบการจัดทอล์คโชว์ หรือ ขายโต๊ะจัดเลี้ยง (โต๊ะจีน)
สรุป การที่พรรคการเมืองจัดขายโต๊ะจีน เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ และการที่บริษัท ห้างร้าน ทั้งเอกชนและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจซื้อโต๊ะจีนดังกล่าว เป็นเรื่องจิตศรัทธาของผู้ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองนั้นๆ เพียงแต่พรรคการเมืองที่จัดขายโต๊ะจีนต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ กกต. ที่กำหนดไว้ว่าบริจาคได้ปีละไม่เกิน 10 ล้านบาท/ราย โดยพรรคการเมืองนั้นๆ ต้องออกใบเสร็จให้ชัดเจน มีเอกสารหลักฐานให้ กกต. ตรวจสอบได้
ส่วนโต๊ะจีนที่เลี้ยงกันลับๆ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร จัดเลี้ยงอาหารโต๊ะจีนแก่บรรดาอดีตรัฐมนตรี และอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยที่บินไปพบประมาณ 50 คน จำนวน 8-9 โต๊ะ ที่ห้องอาหารจีนแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ เมื่อต้นเดือน พ.ย.61 พร้อมครอบครัวชินวัตร อันนี้เป็นการระดมเงินทุนหรือไม่มิอาจตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม กกต. มีกองทุนเงินสนับสนุนพรรคการเมืองอยู่แล้ว โดยปีงบประมาณ 2562 กกต.ได้รับงบประมาณ 130 ล้านบาท สามารถจัดสรรให้พรรคการเมืองได้ 117 ล้านบาท คาดว่าจะโอนเงินอุดหนุนให้พรรคการเมืองได้ในช่วงต้นปี 2562 ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้ กกต. จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อสมทบกับเงินค่าบำรุงที่แต่ละพรรคเก็บได้
เมื่อใกล้ถึงเวลาลงสนามเลือกตั้ง คงจะได้เห็นการระดมเงินทุนด้วยรูปแบบเลี้ยงโต๊ะจีนอีกหลายพรรคในเร็วๆ นี้ เป้าของเงินทุนที่จะระดมมาก็สุดแท้แต่พรรคการเมืองต่างๆ ที่จะกำหนด จากนี้คงจะต้องมองไกลๆ ไปว่านายทุนพรรคหรือผู้สนับสนุนพรรค จะมีปฏิกิริยาหรือบทบาทอย่างไรกับพรรคการเมืองที่เขาเหล่านั้นสนับสนุน เมื่อพรรคได้คะแนนเสียงข้างมากจากประชาชนเจ้าของประเทศให้จัดตั้งรัฐบาล จะเป็นเงินให้เปล่าหรือจะหวังผลประโยชน์จากทุนรอนที่เขาบริจาค หนังชีวิตต้องดูกันยาว