แฉ!! ทักษิณเคยกล่าว “ประชาธิปไตยเป็นแค่เครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมายของผม”
ในบทสัมภาษณ์พิเศษกับ เดอะเนชั่น เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พศ 2546 ซึ่งฉบับไทยไม่มีปรากฎตัวในสื่อออนไลน์สักสำนัก คุณทักษิณ ชินวัตรเคยเปิดเผยอะไรไว้บางอย่างที่อาจทำให้ประชาชนเริ่มเห็นความคิดและอุดมการณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้อย่างชัดแจ้ง และเป็นประเด็นที่สอดคล้องกับบริบทการเมืองปัจจุบัน
บทสัมภาษณ์นี้ถูกเผยแพร่ตรงกับวันรัฐธรรมนูญของปี พ.ศ. 2546 หลังฝ่ายค้านยื่นข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปรับการถ่วงดุลอำนาจในรัฐสภา และคุณทักษิณได้พูดกับนักข่าวว่า
ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดีและสวยงาม แต่มันไม่ใช่เป้าหมายอันสูงสุดสำหรับการบริหารประเทศเรา ดังนั้นประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมาย เป้าหมายคือมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ความสุข และความก้าวหน้า”
สรุปง่าย ๆ คือคุณทักษิณสนับสนุนเผด็จการหากมีความจำเป็น แต่ปัจจุบันหลังหมดอำนาจเลือกพูดว่าเป็นข้อห้ามถาวร…
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ตีความได้หลายทาง แต่สิ่งที่ตายตัวและไม่มีข้อกังขาคือ คุณทักษิณไม่ได้ปิดช่องทางสำหรับการปกครองในรูปแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากระบอบประชาธิปไตย แต่พอเราหันมามองถึงสถานการณ์ที่เกิดในการกำจัดเผด็จการในรัฐสภาของคุณทักษิณแล้ว คุณทักษิณพร้อมลืมอุดมการณ์ตัวเองทันที ไม่สงสัยกันบ้างหรือ ทำไมบทสัมภาษณ์นี้ไม่เคยถูกตีแพร่ออกมาให้คนไทยได้เห็น?
“แต่มันไม่ใช่เป้าหมายอันสูงสุดสำหรับการบริหารประเทศเรา” เป็นประเด็นสำคัญที่ประชาชนควรตระหนัก หากมีรัฐประหารที่เกิดขึ้นในรูปแบบที่เข้าทางของคุณทักษิณ ไม่ใช่ว่าเขาจะออกมาค้าน แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น มันคือการยอมรับว่าอำนาจนอกเหนือประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในบริบทการเมืองไทยหากมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น และท้ายที่สุดมันก็คือรัฐบาลของคุณทักษิณและรัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ที่กลายเป็นตัวอย่างให้ประชาชนได้เห็นว่าความจำเป็นนี้มีอยู่จริง พออำนาจที่เหนือกฎเกณฑ์ของประชาธิปไตยถูกใช้ใส่ตัวเอง อดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้เลยต้องหันหัวกลับลำและโจมตีสิ่งที่ตนยอมรับเมื่อตนยังกุมอำนาจอยู่อย่างเบ็ดเสร็จ
หลังจากที่คุณทักษิณตัดสินใจหนีไปต่างประเทศเพื่อหนีคดีทุจริตคอรัปชั่น เราเห็นได้ว่าเขาไม่ได้โกหกกับอุดมการณ์อีกส่วนนึงในบทสัมภาษณ์ คือ “ประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือ” เพราะนี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและเกิดขึ้นมาโดยตลอด อยู่ดี ๆ คุณทักษิณให้ความสำคัญในการกอบกู้ประชาธิปไตยกลับคืนมา และเลือกที่จะหันมาย้ำว่าประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทย แต่มันคือประชาธิปไตยใช่ไหมที่มอบโอกาสให้คุณทักษิณพยายามร่างสัญญาค้าขายเสรีแบบ “ท้ายซอย” โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา? และมันคืออำนาจของประชาธิปไตยใช่ไหมที่เปิดโอกาสให้ พรบ. นิรโทษกรรมเกือบผ่านตอนตี4? คุณทักษิณพูดถูก มันเป็นแค่เครื่องมือ
แต่ตอนนี้วิธีหาเสียงหลักของพรรคบางกลุ่มที่ไม่ได้เคารพประชาธิปไคยอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เน้นแต่คำว่า “ประชาธิปไตย” ซึ่งไม่ต่างจากนิรโทษกรรมทางความคิดโดยพยายามตั้งค่าคดีในอดีตให้เป็น 0 ในจิตใต้สำนึกของคนที่จะเลือกตั้งครังนี้ แน่นอนเราปฏิเสธไม่ได้ว่าคนดีและคนชั่วมีอยู่ในทุกสีและทุกฝ่าย แต่วิธีกรอกข้อมูลของสื่อปัจจุบันมันถึงจุดที่ “ฝั่งประชาธิปไตย” กลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาวกันทั้งปวง โดยที่มีอำนาจมืดหลายส่วนที่ใช้ประชาธิปไตยเป็นกำบัง
ถ้าสื่อไทยตรงไปตรงมากว่านี้ และไม่ได้มีเจตนาจำกัดความว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มันมีแค่ฝ่ายเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตย หรือ ถ้าคิดในแง่ลบคือดูถูกว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีปัญญาเข้าใจ
เราต้องการเปลี่ยนตรงนี้ในฐานะกระบอกเสียงอิสระ โดยชี้ให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คือสงครามระหว่าง
ประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการ กับ โจราธิปไตย กับ ประชาธิปไตยกึ่งคอมมิวนิสต์ กับ ประชาธิปไคยเต็มรูปแบบ แต่ผู้อ่านเลือกใส่ช่องเองว่าใครเป็นใคร
ข้อมูลอ้างอิง: (มีแต่ฉบับภาษาอังกฤษ)