ปี 2546 ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิมแบงค์ ได้อนุมัติวงเงินกู้ 3,000 ล้านบาท แก่ประเทศพม่าเพื่อลงทุนด้านโทรคมนาคม ในอัตราชำระดอกเบี้ยต้นทุนร้อยละ 5.5% ต่อปี

แต่หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ใช้อำนาจสั่งการให้เอ็กซิมแบงค์ ขยายวงเงินกู้เพิ่มจาก 3,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียงร้อยละ 3% ต่อปี 

คำอธิบาย

คำตอบที่ถูกต้องคือเป็นความจริง เพราะการเปลี่ยนแปลงในข้อตกลงระหว่างเอ็กซิมแบงค์กับทางประเทศพม่า ได้เกิดขึ้นเพื่อนำไปซื้อสินค้าและบริการของบริษัทไทยคมที่เป็นธุรกิจในเครือตระกูลชินวัตรเอง 

ดูเหมือนว่าการลดอัตราดอกเบี้ยไม่เพียงเอื้อประโยชน์ให้พม่าเท่านั้น แต่ยังทำให้เอ็กซิมแบงค์ เสียหายถึง 670 ล้านบาททันที เพราะต้องเสียรายได้จากการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาต้นทุน

การใช้อำนาจในทางมิชอบ ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรในฐานะผู้นำประเทศ บีบบังคับให้เอ็กซิมแบงค์ปล่อยเงินกู้จำนวนมหาศาลที่นำมาจากภาษีของคนไทยทั้งชาติ ไปให้ต่างชาติใช้อย่างสะดวกสบาย แถมยังเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจครอบครัวเช่นนี้

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ในความผิดฐานใช้อำนาจในการดำเนินนโยบายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์สำหรับธุรกิจของครอบครัว และจะดำเนินคดีตามกฎหมาย