จับตาคดีฆ่าเสือดำ
ครบรอบ 1 ปีคดีฆ่าเสือดำ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ท่ามกลางการจับตาของหลายฝ่าย ทั้งนักเคลื่อนไหวและประชาชนทั่วไป
โดยก่อนหน้านี้ ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพิ่งจะพิพากษาคดีแก๊งออฟโรดล่าหมีขอที่บริเวณป่าเขาพลู จำคุกมือยิงหมีขอ คือ “ตาต้า” เป็นเวลา 3 ปี 7 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกไม่รอลงอาญา โดยที่คดีหมีขอใช้เวลาเพียง 6 เดือน
ส่วนคดีฆ่าเลียงผา ที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อวันที่ 18 พ.ย.61 ต้องหาทั้ง 2 คนมามอบตัวและรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะมีการหยิบยกเอาคดีดังกล่าวขึ้นมาเปรียบเทียบกับคดี “ฆ่าเสือดำ” ว่ามีความล่าช้าในการดำเนินการหรือไม่
โดยเฉพาะเมื่อมี ชื่อของเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด มหาชน พร้อมพวก ตกเป็นจำเลย ขณะที่มีข่าวปล่อบข่าวลือออกมาเผยแพร่ทางโซเชียลถึงคดีดังกล่าวว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำให้นายเปรมชัยรอดคดีทุกข้อหา ทำให้สังคมเกิดความสับสน จน ผบ.ตร.สั่งให้มีการตรวจสอบมือโพสต์บิดเบือนว่า “เปรมชัย” หลุดคดี!! และถูกนไปเป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง ในการหาเสียงของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง
กระนั้น ที่ผ่านมา ก็ถูกมองว่ามความพยายมยื้อคดีอออกไป หรือใช้อิทธิพลในการให้ความช่วยเหลือ แต่ในความเป็นจริง คดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนอย่างมาก ประกอบกับสำนวน มีทั้งพยานวัตถุและพยาบุคคลของคดีจำนวนมากกว่า คดีฆ่าหมีขอ หากไปไล่ดูไทม์ไลน์ของคดีก็จะพบว่า
หลังจากจับกุมผู้ต้องหาและพวกได้ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 วันที่ 30 เมษายน 256อัยการ ภาค 7 ก็สั่งฟ้องเปรมชัยกับพวก รวม 4 คน โดยสั่งฟ้องเปรมชัย 6 ข้อหา ได้แก่ 1.ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต 5.ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย และ 6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
กระทั่งวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 เปรมชัย กับพวกก็มขึ้นศาลนัดแรก จากนั้นศาลจังหวัดทองผาภูมิก็นัดสืบพยานโจทก์เป็นฝ่ายแรก รวม 32 ปาก และพยานจำเลย 17 ปากซึ่งสอบเสร็จไปแล้วเมื่อสิ้นปี 2561
อย่างไรก็ตามศาลนดพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 19 มีนาคม เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ระบุว่า
“ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการทั้งหมด จะไปสู้คดีด้วยทนายหรืออะไรก็ว่ากันไป แต่ศาลจะดูจากวัตถุพยาน พยานบุคคล”
ท่ามกลางจับตาว่าจะ เป็น “มวยล้ม” !!